1. วางกลยุทธ์การดำเนินงานและการบริหารไว้อย่างไรบ้าง และวางแนวทางการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนไว้อย่างไรบ้าง
คำตอบ: กลยุทธ์หลักของอนันดายังคงเน้นทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญ คือ คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า แต่มีการศึกษาตลาดที่เข้มข้นขึ้นและวางแผนการรุกให้ตรงจุด รวมถึงมีการขยายไปธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
2. ครอบครัวของผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นในบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กี่เปอร์เซ็นต์
คำตอบ: ครอบครัวผู้ก่อตั้งถือหุ้นประมาณ 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และฟรีโฟลตประมาณ 50%
3. ตราสารคล้ายทุนที่บริษัทออก คืออะไร และประโยชน์ของตราสารคล้ายทุนมีอะไรบ้าง
คำตอบ: ตราสารคล้ายทุนมีลักษณะเป็นส่วนทุน โดยการออกตราสารดังกล่าวยังดีกว่าการออกหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากไม่มีการไดลูท นอกจากนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนยังลดลง ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อทุนจะได้รับผลกระทบในช่วงแรกจากฐานทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ส่วนเงินทุนใหม่จะช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ อัตราการเติบโต และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับ 1:1
4. บริษัทได้รับประโยชน์จากการร่วมทุนกับมิตซุยอย่างไรบ้าง
คำตอบ: เราได้รับเงินทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยี TQPMS จากมิตซุย โดยเราใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในโครงการไอดีโอคิวจุฬา-สามย่านเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2556
5. มีแนวคิดการพัฒนาโครงการ Mixed Use หรือไม่อย่างไร
คำตอบ: อนันดายังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งรวมถึงโครงการ Mixed Use แต่มีการขยายไปในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ คือ Service Apartment โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ
6. ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์ได้อย่างไรบ้าง
คำตอบ: ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 02-056-2222 หรือ ir@ananda.co.th
7. ในงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ปรากฎว่า บริษัทมีกำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 5,537,000 บาท และมีขาดทุนต่อหุ้น เท่ากับ (0.03) บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทฯ มีผลกำไร แล้วทำไมบริษัทฯ ถึงมีผลขาดทุนต่อหุ้น
คำตอบ: ในงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีผลขาดทุนต่อหุ้น เท่ากับ (0.03) บาทต่อหุ้น เนื่องจากตามมาตรฐานบัญชี บริษัทต้องบันทึกกำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐานคำนวณจากกำไร (ขาดทุน) สำหรับงวดที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ไม่รวมกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น) หักดอกเบี้ยจ่ายสะสมสำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน และหารด้วยจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกอยู่ในระหว่างงวด (ตามที่บริษัทได้แจ้งข่าวเข้าในระบบของตลาดหลักทรัพย์ ในหัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของ บจ. ไตรมาสที่ 1 (F45))
โดยมีวิธีคำนวณกำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น ดังนี้
บริษัทมีกำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน | 5,537,000 บาท |
หัก: ดอกเบี้ยจ่ายสะสมสำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน | (101,589,000) บาท |
ดังนั้น บริษัทมีกำไร (ขาดทุน) เท่ากับ | (96,052,000) บาท |
หาร ด้วยจำนวนหุ้น | 3,333,000,000 หุ้น |
กำไร (ขาดทุน) (บาทต่อหุ้น) | (0.03) บาท/หุ้น |
หมายเหตุ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหมายเหตุประกอบงบการเงินของบริษัท ข้อ 24 ในงบการเงินรอบไตรมาสที่ 1 ปี 2564